ปัญหาและแนวทางการป้องกันกลุ่มติดเชื้อ HIV ตั้งแต่เกิด

“วัยรุ่นที่ติดเชื้อ HIV ไม่ว่าจะเป็นติดเชื้อมาตั้งแต่เกิดหรือหลังจากนั้น จะเจอปัญหาทางด้านสุขภาพเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อ HIV เหมือนกัน” กล่าวโดย Anne Neilan จากสถาบัน MGH Division of Infectious Diseases กับ the Medical Practice Evaluation Center ซึ่งเป็นหัวหน้าวิจัยครั้งนี้ “ข่าวดีก็คือ มีแนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อ HIV ไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะทำให้ปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพลดน้อยลงไป”

เนื่องจากผลกระทบจากการใช้ยาต้านไวรัสที่เกิดขึ้นไม่กี่สิบปีมานี้ ทำให้เด็กทารก 200 คนต่อปีเกิดมาพร้อมกับเชื้อ HIV ในประเทศอเมริกา ตอนนี้มีเด็กทารกเกิดมากถึง 1 หมื่นคน มีเยาวชนที่ติดเชื้อ HIV ในส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 18 ปี ผู้วิจัยร่วมอย่าง George Seage lll จาก DSc, of the Harvard T. H. Chan School of Public Health ได้กล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำเรื่องเกี่ยวกับการให้กำเนิดเด็กที่ติดเชื้อ HIV ที่ใช้ชีวิตจนเติบใหญ่ และพวกเขามีแรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง เป็นทั้งบุคคลที่มีความยืดหยุ่นต่อการดำรงชีวิตอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน”

Neilan ได้อธิบายว่า “รายงานชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับการติดเชื้อเอดส์ในวัยเด็กนั้น มาจากในช่วงก่อนหน้าปี 1980 โดยทางด้าน Dr.James Oleske จากสถาบัน New Jersey Medical School ที่ Rutgers นั้น เขาเองก็เป็นผู้ร่วมทำงานวิจัยของพวกเราด้วย ตรงจุดนี้พบว่าเด็กที่มีอายุ 4 ขวบสามารถดำรงชีวิตด้วยดีและดำรงชีวิตจนถึง 3 ทศวรรษ แต่เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่พบได้ยาก”

จากการรวบรวมข้อมูลทั้งสองฝั่ง รวมไปถึงทำงานวิจัยระยะยาวกับ The Pediatric HIV/AIDS Cohort Study (PHACS) กับ the International Maternal Pediatric Adolescent AIDS Clinical Trials (IMPAACT) Network นั้น ทางด้านนักวิจัยหลายคนได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับภาวะสุขภาพของเยาวชนที่ติดเชื้อ HIV มากกว่า 1400 คน เป็นวัยเด็กกับวัยผู้ใหญ่ในช่วงอายุ 7-30 ปี ระหว่างปี 2007 กับ 2015 พวกเขาพบว่า คนที่มีอายุระหว่าง 13 ถึง 30 ปี มีภาวะภูมิคุ้มกันเชื้อ HIV ในระดับที่ต่ำ หมายความว่าพวกเขามีโอกาสที่จะสร้างเชื้อ HIV มากขึ้นและมีเซลล์ภูมิคุ้มกัน CD4 ในระดับที่ต่ำ คนที่ติดเชื้อ HIV มีโอกาสเกิดภาวะเจ็บไข้ได้ป่วยและนำไปสู่การเสียชีวิตเมื่อเทียบกับคนที่ยังอยู่ในวัยเด็ก

ยิ่งมีเชื้อ HIV เข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาทางด้านสุขภาพด้วยแล้ว ส่วนใหญ่มีรายงานเกี่ยวกับภาวะสุขภาพพร้อมกับภาวะสุขภาพจิตกับระบบการทำงานของประสาทและสมอง เช่นกันผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อยู่ในงานวิจัยนี้ มีการถ่ายโอนเชื้อต่างๆ ทางเพศสัมพันธ์ การค้นพบนี้มาพร้อมกับเซลล์ภูมิคุ้มกัน CD4 ในระดับที่ต่ำ “นี่อาจจะต้องมาดูกลไกทางด้านชีววิทยาจากการที่มี STDs เพิ่มมากขึ้นหรืออาจสะท้อนให้เห็นว่า คนไข้หลายคนที่มีรักษาโรคยากมีความเสี่ยงสูงที่จะมีปัญหาพฤติกรรมทางเพศ” กล่าวโดย Andrea Ciaranello

Neilan ได้กล่าวว่า “พวกเราจะต้องให้บริการที่ดีกับเยาวชน พัฒนาระบบการประเมินวิเคราะห์เฉพาะทาง ซึ่งอาจรวมไปถึงการให้บริการกับเยาวชนอย่างเป็นมิตรที่ถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเผชิญหน้ากับคนไข้ ให้ยาต้านไวรัสและส่งเสริมสนับสนุนเยาวชนให้ดูแลสุขภาพมากขึ้นจนเติบใหญ่”

Ciaranello ได้บันทึกว่า “ในการทำความเข้าใจวิธีการดูแลสุขภาพเยาวชนนั้น ไม่เพียงแค่ดูแลเยาวชนที่ติดเชื้อ HIV ในอเมริกาเท่านั้น แต่จะต้องทำเรื่องนี้ให้เป็นสากล ตัวอย่างเช่นเชื้อ HIV ที่นำไปสู่สาเหตุการเสียชีวิตของวัยรุ่นชาวแอฟริกัน”

Seage กล่าวเพิ่มเติมว่า “เป้าหมายหลัก ๆ ของการศึกษานี้ก็คือ เก็บข้อมูลวิทยาการระบาด พร้อมกับมีภาคผนวกเพื่อให้นักวิจัยคนอื่น ๆ ได้ต่อยอดงานวิจัยเพื่อช่วยพัฒนาการดูแลเยาวชนมากขึ้น จะต้องทำเรื่องนี้แบบระยะยาวสำหรับสถาบันส่งเสริมการศึกษาทางด้านสุขภาพเหมือนกับ PHACS กับ IMPAACT P1074 ซึ่งถือเป็นข้อมูลที่สำคัญในระยะยาวที่ช่วยเยียวยาสุขภาพให้กับคนไข้หลายคน”

ที่มา : sciencedaily.com