รวมคำสารภาพการจัดฉากสร้างสถานการณ์ของรัฐบาลทั่วโลก

รวมคำสารภาพการจัดฉากสร้างสถานการณ์ของรัฐบาลทั่วโลก

รวมคำสารภาพการจัดฉากสร้างสถานการณ์ของรัฐบาลทั่วโลก รวมคำสารภาพการจัดฉากสร้างสถานการณ์ของรัฐบาลทั่วโลก

รวมคำสารภาพการจัดฉากสร้างสถานการณ์ของรัฐบาลทั่วโลก
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ซี.เจบุ๊คส์:
บทความพิเศษ!
8 มกราคม 2565, 15:50

1.กองทัพญี่ปุ่นได้ทำการวางระเบิดเอาไว้บนรางรถไฟในปี 1931 และทำการป้ายสีว่า ประเทศจีนเป็นคนทำ จึงเป็นข้ออ้างในการนำกองทัพญี่ปุ่นบุกไปที่แมนจูเรีย เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของ “กรณีมุกเดน” หรือ “กรณีแมนจูเรีย” ทางด้านศาลทหารระหว่างประเทศกรุงโตเกียวพบว่า “มีผู้สมคบคิดในการวางแผนหลายคน ประกอบไปด้วยฮาชิโมโต้ (เป็นเจ้าหน้าที่กองทัพระดับสูงของญี่ปุ่น) ซึ่งยอมรับว่ามีส่วนร่วมในการวางแผนเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นและแถลงว่า เป้าหมายในเหตุการณ์ก็คือ หาข้ออ้างในการยึดครองแมนจูเรียจากกองทัพกวางตุ้ง...”

 

2.กองกำลัง SS ของนาซียอมรับว่า ได้รับคำสั่งจากหัวหน้า Gestapo ทั้งเขาและพวกของเขาบางส่วนได้ดำเนินการจัดฉากจู่โจมประชาชนของพวกเขาเองและป้ายสีให้กับชาวโปแลนด์เพื่อเป็นข้ออ้างในการบุกรุกที่ประเทศโปแลนด์

 

3.นายพลนาซี Franz Halder ยืนยันว่า ผู้นำนาซี Hermann Goering ออกมายอมรับว่าได้ทำการจัดฉากเผาอาคารรัฐสภาเยอรมันในปี 1933 และจากนั้นก็ทำการป้ายสีว่า ฝ่ายคอมมิวนิสต์เป็นคนวางเพลิง

 

4.ผู้นำโซเวียต นิกิต้า ครุสชอฟ ยอมรับผ่านทางลายมือเขียนว่า กองทัพแดงโซเวียตได้ระดมยิงหมู่บ้านรัสเซียที่ Mainila ในปี 1939 โดยทำการป้ายสีว่าฟินแลนด์ได้ทำการโจมตี จึงก่อให้เกิดชนวน “สงครามฤดูหนาว” กับประเทศฟินแลนด์ ทางด้านประธานาธิบดีรัสเซียบอริส เยลซินยอมรับว่า รัสเซียเป็นผู้จุดชนวนสงครามฤดูหนาว

 

5.ทางรัฐสภารัสเซียโดยประธานาธิบดีทั้งปูตินกับอดีตผู้นำโซเวียตกอร์บาชอฟ ออกมายอมรับว่า ผู้นำโซเวียตโจเซฟ สตาลินได้ออกคำสั่งให้ตำรวจลับของเขาสังหารเจ้าหน้าที่กองทัพชาวโปแลนด์ 22000 คนและพลเมืองในปี 1940 และจากนั้นก็ป้ายสีว่า เป็นฝีมือของฝ่ายนาซี

 

6.ทางรัฐบาลอังกฤษยอมรับว่า ในช่วงปี 1946 กับ 1948 ได้ทำการวางระเบิดเรือลำเลียงของชาวยิว 5 ลำที่พยายามหลบหนีจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ โดยตั้งชื่อกลุ่มหลอก ๆ ที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มพิทักษ์อาหรับปาเลสไตน์” และจากนั้นก็ทำการป้ายสีกลุ่มหลอกโดยอ้างว่า เป็นต้นเหตุของการวางระเบิด

 

7.ทางอิสราเอลยอมรับว่า ในปี 1954 กลุ่มก่อการร้ายอิสราเอลได้ปฏิบัติการลับที่ประเทศอียิปต์โดยทำการวางแผนวางระเบิดตึกหลายแห่ง รวมไปถึงสถานทูตของประเทศอเมริกา จากนั้นก็ทิ้ง “หลักฐาน” โดยป้ายสีว่าชาวอาหรับมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (มีการระเบิดขึ้นก่อนจุดหนึ่ง ทำให้ชาวอียิปต์พยายามหาตัวมือระเบิดและต่อมาทางด้านอิสราเอลก็สารภาพกับความจริงที่เกิดขึ้น)

 

8. CIA ยอมรับว่า ได้ว่าจ้างชาวอิหร่านในปี 1950 โดยวางบทให้เป็นคอมมิวนิสต์และทำการวางระเบิดที่ประเทศอิหร่านจากการให้ใบสั่งโดยทำการต่อต้านการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีตามระบอบประชาธิปไตย

 

9.นายกรัฐมนตรีตุรกียอมรับว่า ทางรัฐบาลตุรกีได้ทำการวางระเบิดในปี 1955 ที่สถานกงสุลตุรกีประจำกรีก ซึ่งสร้างความเสียหายบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงบ้านเกิดของผู้สร้างประเทศตุรกีสมัยใหม่และทำการป้ายสีให้กับกรีก โดยใช้เป็นข้ออ้างในการส่งเสริมใช้ความรุนแรงกับฝ่ายต่อต้านชาวกรีก

 

10.นายกรัฐมนตรีประเทศอังกฤษยอมรับต่อรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมว่า ทั้งเขากับประธานาธิบดีอเมริกาดไวต์ ไอเซนฮาวร์ได้อนุมัติแบบแผนในปี 1957 ในการโจมตีซีเรียและทำการป้ายสีให้กับรัฐบาลซีเรียจนส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

 

11.อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศอิตาลี ผู้พิพากษาอิตาลีกับอดีตหัวหน้าฝ่ายต่อต้านข่าวกรองของอิตาลีได้ยอมรับว่า ทาง NATO พร้อมกับทางเพนตากอนกับ CIA ได้ทำการวางระเบิดที่ประเทศอิตาลีและประเทศอื่น ๆ ในยุโรปในช่วงปี 1950 และทำการป้ายสีให้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ โดยมีการชักชวนให้ผู้คนออกมาสนับสนุนรัฐบาลของพวกเขาในยุโรปในการต่อต้านฝ่ายคอมมิวนิสต์ มีผู้ร่วมปฏิบัติการลับคนหนึ่งได้กล่าวว่า “คุณโจมตีประชาชน ทั้งพลเรือน ผู้หญิง เด็กเล็ก ผู้บริสุทธิ์ ผู้ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยเหตุผลเกมการเมือง เหตุผลฟังดูเลอะเทอะดี พวกเขาคาดหวังว่า ประชาชนอิตาลีจะเข้าสู่รัฐที่มีความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้น” (ทั้งอิตาลีกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรปก็มีการปฏิบัติการลับโดยให้ความร่วมมือกับทาง NATO ก่อนที่จะมีการวางระเบิดเกิดขึ้น) และทำการเฝ้าดูข่าวด่วนจากช่อง BBC เช่นกันพวกเขายังสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายทั้งในฝรั่งเศส เบลเยียม เดนมาร์ก เยอรมนี กรีก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปรตุเกส อังกฤษและประเทศอื่นๆ

 

12.ในปี 1960 วุฒิสภาชาวอเมริกัน George Smathers แนะนำว่า ทางอเมริกาควรที่จะ “จัดฉากการโจมตีที่อ่าวกวนตานาโม เพื่อที่จะทำให้เป็นข้ออ้างในการจู่โจมและโค่นล้มฟิเดล คาสโตร ผู้นำประเทศคิวบา

 

13.เอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกาได้เปิดเผยว่า ในปี 1961 ประธานคณะเสนาธิการร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ได้ปรึกษาหารือเรื่องการสร้างความรุนแรงในโดมินิกันเพื่อเป็นข้ออ้างในการบุกรุกประเทศ แผนการยังไม่ได้ดำเนินการ แต่พวกเขาทุกคนต่างหารือเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง

 

14.ทางรัฐบาลอเมริกายอมรับว่า เอกสารลับในปี 1962 ประธานคณะเสนาธิการร่วมได้ทำการลงนามอนุมัติในการวางระเบิดเครื่องบินหลายลำของอเมริกัน (โดยมีการวางแผนสับเปลี่ยนเครื่องบิน) และเช่นกันมีการอนุมัติในการปฏิบัติการก่อการร้ายกับชาวอเมริกัน และจากนั้นทำการป้ายสีว่า ชาวคิวบาเป็นคนทำเพื่อเป็นข้ออ้างในการบุกรุกประเทศคิวบา

 

15.ในปี 1963 กระทรวงกลาโหมของอเมริกาได้ลงนามอนุมัติในการโจมตีประเทศที่สหรัฐอเมริกาสนับสนุน เช่นประเทศตรินิแดดและโตเบโกกับจาไมก้า และจากนั้นทำการป้ายสีว่าประเทศคิวบาเป็นคนทำ

 

16.กระทรวงกลาโหมอเมริกาแนะนำอย่างลับ ๆ ว่า จะต้องติดสินบนคนในรัฐบาลฟิเดล คาสโตรให้ทำการโจมตีประเทศสหรัฐอเมริกา โดย “จะต้องทำการตรวจสอบบริเวณพื้นที่ที่เหมาะต่อการโจมตี จากนั้นทำการติดสินบนให้กับคนของฟิเดล คาสโตรโดยมอบหมายให้โจมตีที่กวนตานาโม

 

17.ทาง NSA ออกมายอมรับว่า เหตุการณ์ที่อ่าวตังเกี๋ยในปี 1964 จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องโกหก โดยมีการเติมแต่งข้อมูลว่า เรือของฝ่ายเวียดนามเหนือยิงเรือรบของอเมริกาเพื่อเป็นข้ออ้างในการจุดชนวนสงครามเวียดนาม

 

18.ทางด้านคณะกรรมการรัฐสภาของอเมริกายอมรับว่า โครงการ Cointelpro นั้น ทางด้าน FBI ได้ใช้เจ้าหน้าที่จำนวนมากในช่วงปี 1950 จนถึง 1970 ก่อความรุนแรงและป้ายสีให้กับฝ่ายนักเคลื่อนไหวทางการเมือง

 

19.ทางด้านนายพลระดับสูงของตุรกีออกมายอมรับว่า กองทัพตุรกีได้ทำการเผามัสยิดที่ไซปรัสในปี 1970 และทำการป้ายสีให้กับฝ่ายตรงข้าม เขาอธิบายว่า “ในสงครามพิเศษนั้น แน่นอนว่าจะต้องมีการปฏิบัติการก่อวินาศกรรมเป็นขั้นเป็นตอนและทำการป้ายสีให้กับฝ่ายศัตรูเพื่อเพิ่มกระแสความเกลียดชังของประชาชน พวกเราทำแบบนี้ที่ไซปรัส แม้ว่าพวกเราได้ทำการเผามัสยิดแล้วก็ตาม” มีนายพลที่พูดออกมาอย่างน่าแปลกใจไม่น่าเชื่อว่า “ผมจะแสดงตัวอย่างให้ดู”

 

20.เอกสารลับของ CIA มีการเปิดเผยว่า ในปี 1973 ได้มีการวางแผนปฏิบัติการฝึกฝนตำรวจต่างชาติกับกองทหารว่า จะทำกับดักระเบิดได้อย่างไร โดยพวกเขาได้ทำการฝึกฝนว่า จะทำการสืบสวนผู้ก่อการร้ายได้อย่างไร :

 

“เจ้าหน้าที่ทำการติดต่อประสานงานกับฝ่ายตำรวจต่างชาติ/เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงตลอดจนถึงฝ่ายทหาร

 

CIA ได้จัดเตรียมการฝึกฝนดังนี้คือ

 

a.ให้ผู้ฝึกฝนมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการสื่อสารและการวางระเบิดกับการวางเพลิง โดยพวกเขาอาจจะต้องยอมรับแนวทางการก่อการร้ายและปฏิบัติการก่อวินาศกรรม

 

b.ให้ผู้ฝึกฝนทำการติดต่อสื่อสารอย่างมีเหตุมีผลและฝึกฝนทดลองที่บ้าน เช่นกันจะต้องเรียนรู้ในการประดิษฐ์วัตถุระเบิดและการวางเพลิงแบบผู้ก่อการร้ายหรือผู้ก่อวินาศกรรม

 

c.ให้ผู้ฝึกฝนมีแนวคิดการในวิเคราะห์เป้าหมายและการวางแผนปฏิบัติการแบบเดียวกับผู้ก่อวินาศกรรมหรือผู้ก่อการร้ายจริง ๆ

 

d.ให้ผู้ฝึกฝนรู้จักการวางกับดักระเบิดและเรียนรู้เทคนิคจากประสบการณ์จริง ทั้งจากการประดิษฐ์และทำการประดิษฐ์แบบฉับพลัน

 

โปรแกรมได้ทำให้ผู้ฝึกฝนเข้าใจถึงความรู้ความชำนาญเบื้องต้นและทำการรับมือ เตรียมการและประดิษฐ์ระเบิดทางเลือกต่าง ๆ ทั้งในแบบวางเพลิง แบบก่อการร้ายและเทคนิคการก่อวินาศกรรม

 

21.รัฐบาลเยอรมันยอมรับว่า ในปี 1978 หน่วยราชการลับของเยอรมันได้ทำการวางระเบิดบริเวณด้านนอกกำแพงเรือนจำและใช้เครื่องมือหลบหนีกับนักโทษซึ่งเป็นสมาชิกกองทัพแดง โดยทางหน่วยราชการลับหวังว่าจะทำการป้ายสีว่า อีกฝ่ายวางระเบิด

 

22.สายลับ Mossad ยอมรับว่า ในปี 1984 Mossad ได้ทำการติดตั้งเครื่องส่งสัญญาณวิทยุบริเวณที่พักของกัดดาฟีที่ตริโปลี ประเทศลิเบีย โดยทำการจัดฉากส่งสัญญาณการก่อการร้ายโดย Mossad เพื่อป้ายสีว่า กัดดาฟีเป็นผู้สนับสนุนลัทธิการก่อการร้าย หลังจากนั้นโรนัลด์ แรแกนก็ได้สั่งการทิ้งระเบิดที่ลิเบียทันที

 

23.คณะกรรมการแสวงหาความจริงเพื่อความสมานฉันท์ของประเทศแอฟริกาใต้พบว่า ในปี 1989 CCB (เป็นองค์กรลับของหน่วยความมั่นคงของแอฟริกา) ได้ค้นหาผู้เชี่ยวชาญวางระเบิดและว่าจ้างเขา “ให้เป็นผู้เข้าร่วมปฏิบัติการโดยตั้งเป้าหมายดิสเครดิตพรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกาจากการวางระเบิดรถเจ้าหน้าที่สืบสวนจนมีผู้เสียชีวิต” เพื่อเป็นการป้ายสีว่า พรรคสมัชชาเป็นผู้วางระเบิด

 

24.เอกอัครราชทูตแอลจีเรียกับเจ้าหน้าที่กองทัพในแอลจีเรียหลายคนยอมรับว่า ในปี 1990 กองทัพแอลจีเรียได้ทำการสังหารหมู่ชาวแอลจีเรียด้วยกันเองและทำการป้ายสีว่า ชาวอิสลามเป็นคนฆ่า

 

25.กองทัพอเมริกาได้ทำการตีพิมพ์เอกสารหัวข้อ Special Forces Foreign Internal Defense Tactics Technique And Procedures For Special Forces ในปี 1994 แต่มีการอัปเดตข้อมูลในปี 2004 โดยมีการแนะนำว่า จะต้องว่าจ้างผู้ก่อการร้ายจัดฉากสร้างสถานการณ์ในประเทศที่เป็นฝ่ายซ้ายในแถบลาตินอเมริกา การจัดฉากสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายประสบความสำเร็จในลาตินอเมริกาและเป็นส่วนหนึ่งของการทำ “สงครามสกปรก” ของ CIA

 

26.เช่นเดียวกัน CIA ได้ “ปฏิบัติการทางด้านจิตวิทยา” โดย CIA ได้ทำข้อตกลงกับกลุ่มกบฏนิการากัวในการลอบสังหารใครบางคนที่เป็นพวกของตัวเองเพื่อเป็นการ “เรียกร้องความสนใจ” จากการจุดชนวน โดยทางรัฐบาลอเมริกาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งมีสำนักข่าวเผยแพร่ข้อมูลนี้ทั้ง Associated Press, Washington Post กับสำนักอื่น ๆ ในช่วงปี 1984 ที่มีการดีเบตประธานาธิบดีนั้น ประธานาธิบดีเรแกนได้เผชิญกับการตั้งคำถามต่าง ๆ ทางเนชั่นแนล เทเลวิชั่น

 

“ในช่วงเวลานี้ พวกเราได้เผชิญกับเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับการที่ CIA มีความพัวพันกับกลุ่มกฎหมายที่พวกเราอยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่เพียงแค่สนับสนุนการลอบสังหารคนพวกเดียวกันเองเท่านั้น แต่ยังว่าจ้างอาชญากรในการลอบสังหารกลุ่มกบฏ ที่พวกเราสนับสนุนเพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจขึ้นมา”

 

27.ทางอินโดนีเซียยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นจากการสืบสวนการใช้ความรุนแรงก่อจลาจลที่เกิดขึ้นในปี 1998 และลงความเห็นว่า “ทางกองทัพได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อจลาจล ซึ่งนำไปสู่ชนวนก่อความรุนแรง”

 

28.ทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงกองทัพกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของรัสเซียยอมรับว่า KGB ได้ทำการระเบิดอพาร์ทเม้นท์ในปี 1999 และทำการป้ายสีให้กับกลุ่ม Chechens จึงเป็นข้ออ้างในการบุกรุกสาธารณรัฐเชเชน

 

29.สำนักข่าว BBC, The New York Times กับ Associated Press ,เจ้าหน้าที่มาซิโดเนียยอมรับว่า ทางรัฐบาลได้ทำการสังหารผู้อพยพที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ 7 คนอย่างเลือดเย็นและป้ายสีว่า คนทำเป็นทหารของอัลเคด้าที่พยายามจะลอบสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจมาซิโดเนีย เพื่อนำไปสู่การทำสงครามการก่อการร้าย

 

30.เดือนกรกฎาคม ปี 2001 ที่ประชุมกลุ่ม G8 เมืองเจนัว ประเทศอิตาลี มีชายชุดดำถูกบันทึกวิดีโอเอาไว้ตอนที่กำลังออกจากรถตำรวจและมีชาวอิตาลีกำลังถือประแจเหล็กอยู่ข้างในสถานีตำรวจ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงในเมืองเจนัวออกมายอมรับว่า ทางตำรวจได้จัดตั้งชาย 2 คนที่ระเบิดเพลิงและจัดฉากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในที่ประชุม G8 เพื่อเป็นข้ออ้างในการสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงกับฝ่ายผู้ชุมนุมประท้วง

 

31.อเมริกาได้ทำการป้ายสีประเทศอิรักว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งแสดงให้เห็นจากการบันทึกของรัฐมนตรีกลาโหม เพื่อเป็นข้ออ้างในการเปิดศึกสงครามกับอิรัก แม้ว่าหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์ 9/11 ไปแล้ว ทางด้านคณะกรรมการยอมรับว่า เรื่องนี้ไม่มีความเชื่อมโยงแต่อย่างใด ทางด้านดิก ชีนีย์ กล่าวว่า มีหลักฐาน “มากมาย” ที่กลุ่มอัลเคด้ามีความสัมพันธ์กับซัดดัม ฮุสเซน ที่ชีนีย์เองก็มีข้อมูลบางอย่างที่ทางคณะกรรมการไม่สามารถหาได้ และสื่อสารมวลชนไม่ได้ทำสกู๊ปรายงานเรื่องราวต่าง ๆ ทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอเมริกาตอนนี้ออกมายอมรับแล้วว่า สงครามอิรักจริง ๆ แล้วก็มาจากการปล้นน้ำมัน ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 หรืออิรักมีอาวุธร้ายแรงแต่อย่างใด แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีหมาป่าผู้โดดเดี่ยวยืนยันเรื่องนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอเมริกาบอกว่า เหตุการณ์ 9/11 เป็นการส่งเสริมการก่อสงครามก่อการร้าย แต่ประเทศอิรักไม่ได้อยู่เบื้องหลังการจี้เครื่องบินแต่อย่างใด (ทางด้านเจ้าหน้าที่หลายคนของอเมริกากล่าวหาว่า เหตุการณ์ 9/11 เป็นการจัดฉากสร้างสถานการณ์ขึ้นมาโดยรัฐบาลอเมริกา แต่เรื่องนี้ยังมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่จะต้องพูดกันอีกมาก แต่กุญแจก็คือ อเมริกาได้ทำการป้ายสีให้กับอิรักทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ประเทศอิรักไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย)

 

32.แม้ว่าทาง FBI ออกมายอมรับแล้วว่า ปี 2001 จากการโจมตีด้วยแอนแทรกซ์เป็นฝีมือของนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในรัฐบาลอเมริกา ทางด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูง FBI กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว FBI ได้ทำการป้ายสีว่า เป็นฝีมือของกลุ่มอัลเคด้าโดยเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ทางด้านเจ้าหน้าที่รัฐก็ยืนยันเช่นกันว่า ที่ทำเนียบข่าวพยายามที่จะเชื่อมโยงการโจมตีนี้ว่า อิรักมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพื่อเป็นข้ออ้างในการแทรกแซงบุกประเทศ

 

33.สอดคล้องกับ Washington Post ที่มีการตีพิมพ์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอินโดนีเซียออกมายอมรับว่า กองทัพอินโดนีเซียได้สังหารคุณครูชาวอเมริกันที่ปาปัวในปี 2002 และทำการป้ายสีว่า ฆาตกรเป็นกลุ่มปาปัวที่พยายามแบ่งแยกดินแดนเพื่อให้กลุ่มนี้ติดอยู่แบล็กลิสต์รายชื่อกลุ่มก่อการร้าย

 

34.อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซียออกมายอมรับเช่นกันว่า บางทีทางรัฐบาลได้ทำการจัดฉากวางระเบิดที่เกาะบาหลี

 

35.ตำรวจที่เฝ้าบริเวณภายนอกที่ประชุมสหภาพยุโรปในประเทศกรีกได้ทำการบันทึกภาพได้ว่า มีคนเข้ามาแอบแฝงถือระเบิดเพลิงปะปนกับผู้ประท้วงอย่างสันติ

 

36.อดีตนักกฎหมายกระทรวงยุติธรรมจอนห์ โยได้ให้คำแนะนำว่าในปี 2005 ว่า อเมริกาควรที่จะทำการบุกโจมตี โดยให้เหตุผลว่า “เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของพวกเราสามารถจัดฉากสร้างองค์กรก่อการร้ายแบบหลอก ๆ ขึ้นมาได้ โดยก่อตั้งเว็บไซต์ขึ้นมาเอง มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล มีฐานที่มั่น และดำเนินการระดมทุนได้ สามารถจัดฉากได้ว่าฝ่ายก่อการร้ายเป็นผู้ลงมือ และให้เครดิตกับฝ่ายก่อการร้ายไปเต็ม ๆ ช่วยสร้างความสับสนให้กับภายในกลุ่มอัลเคด้าด้วยกันเอง ทำให้มีความเคลือบแคลงสงสัยฝ่ายเดียวกันเองและทำให้เกิดปัญหาการสื่อสารภายในด้วยกันเอง”

 

37.เช่นเดียวกัน ในปี 2005 ศาสตราจารย์ John Arquilla โรงเรียน Naval Postgraduate ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ความมั่นคงที่มีชื่อเสียงของอเมริกาได้ให้แนวคิดในการพัฒนาการทำสงครามอินเทอร์เน็ต ก็คือฝ่ายข่าวกรองตะวันตกสร้างองค์กรก่อการร้ายแบบหลอก ๆ ขึ้นมา โดยใช้แนวทางการทำสงครามก่อการร้ายทางเครือข่าย สอดคล้องกับนักหนังสือพิมพ์ที่ได้รับรางวัลพูลิเซอร์อย่าง Seymour Hersh ได้รายงานเอาไว้เกี่ยวกับกลยุทธ์การสร้างองค์กรแบบหลอก ๆ ก็คือ

 

“ภายใต้การบริหารของรัมส์เฟลด์ ผมอยากบอกว่า กองทัพอเมริกายินยอมให้นักธุรกิจต่างชาติที่เห็นแก่ได้ทำการซื้อสินค้าของเถื่อนที่สามารถนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ได้ ในบางกรณีนั้น สอดคล้องกับผู้ให้คำปรึกษาเพตาก้อนก็คือ พลเมืองสามารถเป็นและเข้าร่วมกับฝ่ายกบฏหรือผู้ก่อการร้ายได้

 

กฎเกณฑ์ใหม่ ๆ สามารถทำให้หน่วยรบพิเศษทำการจัดตั้งทีมปฎิบัติการในประเทศอื่น ๆ ที่สามารถทำการค้นหาและทำลายองค์กรก่อการร้ายได้ คุณยังจำหน่วยปฏิบัติการฝ่ายขวาในเอลซัลวาดอร์ได้หรือเปล่าครับ? อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองระดับสูงได้เข้ามาคุยกับผม โดยบอกว่าทางกองทัพจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนในช่วงยุค 80 ‘พวกเราพบว่ามีการจ่ายเงินกันใต้โต๊ะ’ เขากล่าว ‘เป้าหมายในตอนนี้ก็คือ จัดตั้งกองกำลังในพื้นที่ตามที่พวกเราต้องการ และพวกเราก็ไม่ต้องไปบอกทางสภาเกี่ยวกับเรื่องนี้’ ทางด้านอดีตเจ้าหน้าที่กองทัพที่รู้เรื่องราวภายในเพนตาก้อนก็ได้กล่าวว่า ‘พวกเรากำลังทำตัวไม่ต่างกับเด็กดื้อเลย’”

 

38.ทางด้าน United Press International มีการรายงานในเดือนมิถุนายน ปี 2005 เอาไว้ว่า

 

เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองอเมริกาหลายคนได้รายงานเกี่ยวกับผู้ก่อกบฏในอิรักบางส่วนว่า มีการใช้ปืนพก Beretta 92 แต่ปืนพกดูเหมือนว่าหมายเลขทะเบียนจะถูกลบออกไป หมายเลขไม่ได้ระบุออกมาให้เห็น ซึ่งปืนพกต่าง ๆ ดูเหมือนว่าจะมีการผลิตโดยไม่ต้องใช้หมายเลขทะเบียน ทางด้านนักวิเคราะห์คิดว่าการเอาหมายเลขทะเบียนออกไปจากอาวุธชนิดต่าง ๆ นั้น เพื่อใช้ในการปฏิบัติการทางด้านข่าวกรองหรือส่งอาวุธให้กับฝ่ายก่อการร้ายโดยมีฝ่ายรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง ทางด้านนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า อาวุธปืนต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ถึงอาจมาจากองค์กร Mossad หรือ CIA โดยนักวิเคราะห์มองว่าสายลับหลายคนอาจมีการสะกดรอยที่มาของอาวุธต่าง ๆ จากการทางฝ่ายผู้มีอำนาจในอเมริกาจะใช้งานผู้ก่อกบฏ โจมตีฝ่ายพลเรือนเพื่อแสดงให้เห็นถึงการละเมิดกฎหมายขององค์กรใต้ดิน

 

39.นายทหารอิสราเอลนิรนามยอมรับว่า ในปี 2005 ได้ทำการขว้างก้อนหินใส่นายทหารอิสราเอลคนอื่น จากนั้นทำการป้ายสีว่าปาเลสไตน์เป็นคนทำ โดยใช้เป็นข้ออ้างในการสลายการชุมนุมผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ที่ชุมนุมอย่างสันติ

 

40.ตำรวจคิวเบกยอมรับว่า ในปี 2007 มีชายฉกรรจ์ได้ทำการขว้างก้อนหินใส่ผู้ประท้วงที่มาอย่างสันติ ซึ่งจริง ๆ แล้วคนที่ขว้างก้อนหินก็เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจคิวเบกด้วยกันเอง

 

41.ปี 2008 หน่วยรบพิเศษของอเมริกาได้ให้คำแนะนำว่า กองทัพอเมริกาจะต้องหาตัวแทนในการจัดตั้งกลุ่มแบบไม่เป็นทางการอย่างเช่น หน่วยเสริมทหาร ทั้งเป็นองค์กรเอกชน องค์กรทางธุรกิจ องค์กรการเมืองระหว่างประเทศ องค์กรต่อต้านหรือก่อความวุ่นวาย ทั้งมีการอพยพ ใช้องค์กรก่อการร้ายข้ามชาติ หาสมาชิกผู้ก่อการร้ายข้ามชาติเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด หาผู้ซื้อขายในตลาดมืดและสร้างความวุ่นวายทั้งทางด้านสังคมหรือการเมือง” รายงานที่ออกมานี้จะเห็นได้ว่า ทางหน่วยรบพิเศษของอเมริกามีความเชื่อมโยงทั้งการต่อต้านและสนับสนุนผู้ก่อการร้ายไปพร้อมๆ กัน (เช่นเดียวกันกับการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมไปถึงการขนยาเสพติด การลักลอบค้าอาวุธเถื่อนและการดำเนินการติดต่อธุรกิจผิดกฎหมาย)

 

42.อดีตหัวหน้าหน่วยราชการลับกับประมุขอิตาลีให้ความเห็นกับรัฐมนตรีที่จะทำการแต่งตั้งตำรวจในปี 2008 ว่า จะต้องปฏิบัติกับผู้ชุมนุมประท้วงทั้งจากคุณครูกับนักเรียนได้อย่างไร

 

เขาควรทำเหมือนกับที่ผมได้ทำตอนที่ผมเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยอยู่ โดยจะต้องใช้สายลับเข้าไปแทรกซึมการเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว และหลังจากนั้นจะต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด โดยลงโทษพวกเขาจนเลือดออกและลงโทษเหมือนกับที่คุณครูได้ลงโทษกับพวกเขา โดยเฉพาะกับคุณครูด้วยกันเอง แน่นอนไม่ใช่กับคนเฒ่าคนแก่ แต่เป็นคุณครูผู้หญิง

 

43.มีผู้ชุมนุมประท้วง G20 ที่กรุงลอนดอนในปี 2009 ซึ่งสมาชิกสภาของอังกฤษเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบพยายามยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง

 

44.นักการเมืองอียิปต์หลายคนยอมรับว่า เจ้าหน้าที่รัฐหลายคนได้ทำการขโมยเครื่องรางที่พิพิธภัณฑ์ที่ประเมินค่ามิได้ในปี 2011 เพื่อพยายามดิสเครดิตกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง

 

45.ผู้ก่อจลาจลที่ได้ดิสเครดิตกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีเม็กซิโกในปี 2012 ได้ออกมายอมรับว่า พวกเขาได้รับเงิน 300 เปโซในการทำลายข้าวของทุก ๆ อย่างที่อยู่บริเวณนั้น ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลวิกิพีเดียที่มีรูปภาพแสดงให้เห็นถึงผู้ก่อจลาจลได้แอบอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นมา

 

46.นายพันโคลัมเบียออกมายอมรับว่า หน่วยของเขาได้ทำการสังหารพลเรือน 57 คน จากนั้นทำการจัดฉากแต่งกายเครื่องแบบทหารและอ้างว่าฝ่ายกบฏ ได้ทำการสังหารทหาร

 

47.ในวันที่ 20 พฤศจิกายน ปี 2014 สายลับเม็กซิกันได้ทำการลำเลียงจากยานพาหนะกองทัพเพื่อเข้าร่วมภารกิจในการลักพาตัวผู้ประท้วงที่อิกัวน่า โดยมีการแสดงให้เห็นทั้งจากวิดีโอและรูปภาพต่าง ๆ ที่ถูกส่งต่อทางสังคมออนไลน์

 

48.นักเขียนที่ได้รับการยอมรับสูงของ Telegraph อย่าง Ambrose Evans-Pritchard กล่าวว่า หัวหน้าฝ่ายข่าวกรอง Prince Bandar ออกมายอมรับว่า รัฐบาลซาอุได้ควบคุมองค์กรก่อการร้าย Chechen

 

49.แหล่งข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงอเมริกายอมรับว่า รัฐบาลตุรกีพร้อมกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่ม NATO ได้ทำการโจมตีด้วยอาวุธเคมีเพื่อทำการป้ายสีให้กับรัฐบาลซีเรีย และเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลตุรกียอมรับว่า มีการวางแผนที่จะทำการโจมตีและทำการป้ายสีให้กับรัฐบาลซีเรียด้วยเช่นกัน

 

50.เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของยูเครนยอมรับว่า หน่วยซุ่มยิงมีส่วนในการเปิดทางให้ทำรัฐประหาร และได้ทำการป้ายสีให้กับคนอื่น ทางด้านเจ้าหน้าที่หลายคนของยูเครนออกมายอมรับว่า หน่วยซุ่มยิงทำการเลือกยิงทั้งสองฝ่ายเพื่อสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นมา

 

51.สายลับอังกฤษยอมรับว่า ได้ทำการจัดฉากส่งข้อมูลไปยังเป้าหมาย หวังให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลแบบผิด ๆ และทำการป้ายสีให้กับเป้าหมายนั้น

 

52.นายทหารอเมริกายอมรับว่า หากพวกเขาได้สังหารผู้บริสุทธิ์ชาวอิรักกับอัฟกันแล้ว พวกเขาจะทำการจัดฉากโดยเอาอาวุธวางอยู่ใกล้ ๆ กับศพของพวกเขา เพื่อให้ผู้คนรู้ว่า ผู้ตายยิงอาวุธต่อสู้

 

53.เช่นเดียวกัน มีตำรวจใส่ความประชาชนผู้บริสุทธิ์ด้วยข้อหาก่ออาชญากรรมทั้ง ๆ ที่ไม่มีมูล โดยทางด้าน New York Time ได้บันทึกเอาไว้ในปี 1981 ว่า

 

ศัพท์เทคนิควงการตำรวจนั้น คำว่า throwdown หมายถึง จัดหาอาวุธให้กับผู้ต้องสงสัย

 

Newsweek รายงานเอาไว้ในปี 1999 ว่า

 

Perez เป็นอดีตตำรวจ (อยู่แผนกที่ลอสแอนเจลิส) ได้จับผู้ขโมยโคเคน 8 ปอนด์ที่ล็อกเกอร์เก็บหลักฐานของตำรวจ หลังจากทำการสู้คดีในเดือนกันยายนแล้ว เขาได้ทำการเจรจาต่อรองโดยพูดคุยการยื่นอุทธรณ์ของผู้ต้องสงสัย และคำว่า “Throwdown” เป็นศัพท์สแลงของวงการตำรวจในการจัดหาอาวุธโดยตำรวจด้วยกันเอง เพื่อเป็นข้ออ้างในการยิงต่อสู้ตามหลักกฎหมาย ตัว Perez เคยบอกว่า ทั้งเขากับคู่หูอย่างเจ้าหน้าที่ Nino Durden ได้ทำการยิงสมาชิกกลุ่ม 18th Street โดยไม่มีอาวุธ ซึ่งผู้ต้องสงสัยชื่อ Javier Ovando จากนั้นก็ได้ทำการจัดฉากวางอาวุธปืนกลโดยที่ผู้ต้องสงสัยยังไม่มีสติและอ้างว่า Ovando พยายามที่จะยิงพวกเขาระหว่างออกลาดตระเวนอยู่

 

สอดคล้องกับวิกิพิเดียที่รายงานว่า

 

การเจรจาต่อรองของเขาส่วนหนึ่งนั้น Perez ได้เชื่อมโยงเจ้าหน้าที่หลายคนที่อยู่ในหน่วยต่อต้านแก๊ง ซึ่งมีการพูดถึงการซ้อมสมาชิกแก๊งหลายคน ทำการจัดฉากยัดหลักฐานให้กับผู้ต้องสงสัย ทำรายงานบิดเบือนและปกปิดการยิงต่อสู้

 

(ส่วนหนึ่งแม้ว่าโดยเทคนิคจะไม่ได้เป็นการจัดฉากสร้างสถานการณ์ให้เกิดการจับกุม แต่ตำรวจมีการใส่ร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้หลายรูปแบบด้วยกัน)

 

54.อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองอเมริกาได้ออกมายืนยันว่า ผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นการจัดตั้งหรือสร้างขึ้นมาโดยองค์กรฝ่ายความมั่นคงของพวกเขาเอง

 

55.หัวหน้ากับเจ้าหน้าที่พิเศษที่ทำงานอยู่ใน FBI ได้กล่าวว่า การก่อการร้ายส่วนใหญ่มีความเชื่อมโยงกับ CIA กับ FBI ที่มีการจัดฉากสร้างสถานการณ์ขึ้นมา เช่นเดียวกัน ผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงภายใต้การนำของโรนัลด์ แรแกน William Odom ได้กล่าวว่า จากการประเมินแล้ว ประเทศอเมริกามีการยึดโยงกับลัทธิก่อการร้ายมาอย่างยาวนาน ในช่วงปี 78-79 ทางด้านวุฒิสภาพยายามที่จะผ่านร่างกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายข้ามชาติ ทุก ๆ กฎหมายที่พวกเขาได้ร่างมานั้น ทางด้านนักกฎหมายหลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า อเมริกามีความต้องการที่จะก่อความรุนแรง

 

56.ผู้นำหลายคนในอดีตต่างได้รับประโยชน์จากการจัดฉากสร้างสถานการณ์เพื่อหวังผลทางการเมืองเช่น

 

“การก่อการร้ายเป็นอาวุธทางการเมืองที่ดีที่สุดในการควบคุมผู้คนด้วยความแข็งข้อมากขึ้นจากความกลัวต่อความตาย – อดอลฟ์ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมันได้กล่าวเอาไว้

 

“แน่นอนผู้คนไม่ต้องการสงคราม แต่หลังจากนั้นผู้นำหลายคนทั่วโลกต้องมีการตรวจสอบนโยบายบริหาร และเป็นเรื่องง่ายที่จะลากประชาชนเข้ามาเกี่ยวดองหนองยุ่งด้วย ไม่ว่าประเทศนั้นจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย หรือเผด็จการฟาสซิสต์ หรือระบบรัฐสภา หรือเผด็จการคอมมิวนิสต์ ประชาชนจะต้องทำตามที่ผู้นำหลายคนบอกเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องง่าย พวกคุณทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ประเทศชาติกำลังถูกโจมตีและทำการประณามผู้ที่รักสงบว่าไม่รักชาติ และทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวว่า ประเทศชาติกำลังอยู่ในอันตราย ซึ่งวิธีการนี้ใช้ได้ผลในทุก ๆ ประเทศ” – Hermann Goering หัวหอกคนสำคัญของนาซีเยอรมันได้กล่าวเอาไว้

 

“แนวทางที่ง่ายที่สุดในการควบคุมประชาชนก็คือ จะต้องสร้างสถานการณ์ก่อการร้ายขึ้นมา เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ผู้คนปฏิบัติตามกฎหมายหากสถานะความปลอดภัยของผู้คนอยู่ในอันตราย – โจเซฟ สตาลิน ผู้นำโซเวียตได้กล่าวเอาไว้

ที่มา : Whatreallyhappened.com

ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ CJ BOOKS
เพิ่มความรู้ กระหายเรียนรู้ สู่ความเป็นสากล
แอพขายหนังสือ หลากหลายหมวดหมู่ ที่คุณควรมีไว้ติดเครื่อง
ติดต่อสอบถาม
081-702-9512
หนังสือยอดนิยม
Copyright © 2024-2025 All rights reserved.
ออนไลน์
1
ทั้งหมด
97,514