การส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยมีความเชื่อมโยงกับความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้ การส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยมีความเชื่อมโยงกับความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้
ทางด้าน Eric Chang กับ Sung Min Han ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีกับการเลือกตั้งในระบบรัฐสภาใน 43 ประเทศ ประกอบไปด้วยประเทศอเมริกาและพบว่าเพิ่มช่องว่างความไม่เท่าเทียมกันมากขึ้น จนเกิดช่องว่างความพึงพอใจในระบอบประชาธิปไตยระหว่างผู้ชนะกับผู้แพ้เลือกตั้ง การค้นพบนี้มีการตีพิมพ์ในช่วงเดือนธันวาคมในนิตยสาร Electoral Studies
“งานวิจัยนี้ชี้ว่า ระดับรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกันนั้นเป็นตัวขับเคลื่อนเบื้องหลังความพึงพอใจระหว่างผู้ชนะกับผู้แพ้เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย” กล่าวโดย Chang ซึ่งเป็นอาจารย์ทางด้านรัฐศาสตร์ “การเลือกตั้งของคนรวยกับคนจนนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่เห็นได้ชัดเมื่อมีช่องว่างความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้”
ความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้ในประเทศอเมริกานั้นเพิ่มมากขึ้นไม่กี่สิบปีมานี้ โดยทำให้คนรวยยิ่งรวยมากขึ้น การแชร์รายได้จากสมาชิกกลุ่มที่รวยที่สุด 10 เปอร์เซ็นต์นั้น เพิ่มมากขึ้นถึง 32 เปอร์เซ็นต์ในปี 1970 จนถึง 47 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2014 สอดคล้องกับสำมะโนสหรัฐ
ช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดี Donald Trump ได้ให้คำมั่นว่า จะทำการฟื้นฟูเมืองเล็กๆในประเทศอเมริกา ให้คำมั่นสัญญาณว่า ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจะเข้ามาช่วยเรื่องช่องว่างทางรายได้
งานวิจัยในอดีตพบว่า ผู้ลงคะแนนเสียงที่สนับสนุนพรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้ง มีความพึงพอใจต่อระบอบประชาธิปไตยมากกว่าผู้ลงคะแนนพรรคที่แพ้เลือกตั้ง ทฤษฎีช่องว่างผู้ชนะ-ผู้แพ้นั้น ความแตกต่างในระดับความพึงพอใจมีให้เห็นน้อยจากคนส่วนใหญ่ที่เลือกพรรคการเมืองที่แพ้การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่มาจากนโยบายเป็นหลัก ซึ่งส่งผลต่อระดับสถาบันด้วย
แต่งานวิจัย MSU ได้อธิบายว่า ผลกระทบจากความไม่เท่าเทียมกันทางด้านเศรษฐกิจนั้นมาจากความพึงพอใจทางด้านระบอบประชาธิปไตยมากกว่าผลกระทบจากระบบสถาบันทางการเมือง
เนื่องจากทั้งชนชั้นบนกับล่างต่างได้รับผลกระทบจากการที่นักการเมืองเข้ามาจัดการปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้ โดยที่ไม่ได้มีความแตกต่างระหว่างความรวยกับจนมากนัก แต่ความจนนั้นเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการกระจายรายได้ใหม่ ในขณะเดียวกันความรวยก็กลายเป็นเรื่องที่วิตกกังวลมากขึ้นจากความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียรายได้
“การค้นพบของพวกเรานั้นชี้ว่า รายได้ที่เพิ่มมากขึ้นจากความไม่เท่าเทียมกันเป็นหลุมพรางของผู้ชนะกับผู้แพ้ทางการเมือง” Chang กล่าว “และความขัดแย้งในผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจนี้เป็นตัวกัดเซาะความพึงพอใจของประชาชนต่อระบอบประชาธิปไตยและนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพขึ้นมา”
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com