จากการวิจัยพบว่า ยาเสริมอาหารวิตามินกับแร่ธาตุส่วนใหญ่กินแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ จากการวิจัยพบว่า ยาเสริมอาหารวิตามินกับแร่ธาตุส่วนใหญ่กินแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ
งานตีพิมพ์ในนิตยสาร Journal Of The American College Of Cardiology นั้น ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลกับตัวอย่างสุ่มงานวิจัยในอดีตที่พบว่า วิตามินรวม วิตามินดี แคลเซียมกับวิตามินซีในรูปแบบที่เป็นยาเสริมอาหารนั้น ชี้ให้เห็นว่าไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจล้มเหลว เส้นเลือดอุดตันหรือเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยปกติแล้วทั้งวิตามินกับแร่ธาตุที่เป็นยาเสริมอาหารช่วยในเรื่องของการบำรุงร่างกายที่พบได้จากสารอาหารชนิดต่างๆ
“เป็นที่น่าแปลกใจที่พวกเราพบว่า ยาเสริมอาหารที่ผู้คนส่วนใหญ่กินเข้าไปมีข้อดีเพียงไม่กี่อย่าง” กล่าวโดย Dr.David Jenkins ผู้นำวิจัย “พวกเราพบว่า หากคุณต้องการกินยาวิตามินรวม วิตามินดี แคลเซียมหรือวิตามินซี มันไม่ได้ส่งผลเสียต่อสุขภาพแต่อย่างใด แต่มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน”
งานวิจัยพบว่า กรดโฟลิกเพียงอย่างเดียวกับกรดโฟลิกที่ผสมกับวิตามินบีอาจมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดกับเส้นเลือดอุดตันได้ ในขณะเดียวกันไนอะซินกับสารกำจัดอนุมูลอิสระชี้ให้เห็นว่า ไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อการเกิดความเสี่ยงในการเสียชีวิตในทุกๆกรณี
“การค้นพบต่างๆเหล่านี้ชี้ว่า ผู้คนส่วนใหญ่ควรตระหนักถึงยาเสริมอาหารที่พวกเขาได้กินและจะต้องแน่ใจว่าพวกเขาได้รับวิตามินหรือแร่ธาตุที่เพียงพอหากพวกเขาอยากมีสุขภาพที่ดี” Dr.Jenkins กล่าว
ทีมของเขาได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลยาเสริมอาหารที่ประกอบไปด้วยวิตามินเอ,บี 1,บี 2,บี 3 (ไนอะซิน),บี 6,บี 9 (กรดโฟลิก), ซี,ดี,และอี และ ?-แคโรทีน ; แคลเซียม; เหล็ก; สังกะสี; แม็กนีเซียม; และซีลีเนียม ในส่วนของ ‘วิตามินรวม’ นั้น วิเคราะห์ได้ว่าเป็นยาเสริมอาหารที่ประกอบไปด้วยทั้งวิตามินต่างๆกับแร่ธาตุต่างๆรวมกัน
“ข้อมูลในเชิงบวกของกรดโฟลิกนั้นมีประโยชน์มากพอที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อเส้นเลือดอุดตันกับหัวใจล้มเหลว โดยมันมีประโยชน์มากหากเราไดเอ็ทตัวเองเพื่อสุขภาพเพื่อทำให้คุณได้รับวิตามินกับแร่ธาตุได้อย่างเต็มที่” Dr.Jenkins กล่าว “จนถึงตอนนี้ยังไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับยาเสริมอาหารไหนที่ชี้ให้ว่า พวกเราเห็นถึงข้อดีต่างๆที่มีประโยชน์มากกว่าการกินอาหารต่างๆที่ประกอบไปด้วยผักผลไม้หรือลูกนัท”
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com