จากการวิเคราะห์พบว่า การออกกำลังสมองสามารถสู้กับโรคจิตเสื่อมได้ จากการวิเคราะห์พบว่า การออกกำลังสมองสามารถสู้กับโรคจิตเสื่อมได้
ด้านคณะวิจัยทั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมองกับภาวะจิตใจได้ทำการวิจัยเรื่องนี้มากกว่า 20 ปี และชี้ว่าการออกกำลังสมองนำไปสู่การพัฒนาการรับรู้ต่อโลกได้ ทั้งพัฒนาความทรงจำ การเรียนรู้และสมาธิ รวมไปถึงโรคจิตที่คิดว่าตัวเองแปลกแยกทางสังคม (ทั้งเรื่องของอารมณ์กับการเข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง) ของผู้ที่มีกระบวนการรับรู้บกพร่อง ในทางกลับกันเมื่อศึกษาข้อมูลตัวอย่างคน 12 คนที่มีโรคจิตเสื่อมที่ได้ทำการออกกำลังสมอง เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ได้ออกมาเป็นบวกมากเท่าไรนัก
ผลลัพธ์ต่างๆที่ออกมาได้มีการตีพิมพ์ใน American Journal of Psychiatry
กระบวนการรับรู้ที่บกพร่องมีความเชื่อมโยงกับความจำที่เสื่อมถอยและทักษะการคิดส่วนอื่นๆที่แม้ว่าจะไม่สร้างความเสียหายในทักษะการดำรงชีวิตประจำวัน และถือเป็นปัจจัยที่มีความเสี่ยงมากที่สุดอย่างหนึ่งของโรคจิตเสื่อม คนที่มีกระบวนการรับรู้บกพร่องมีโอกาส 1 ใน 10 ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคจิตเสื่อมในแต่ละปี และความเสี่ยงแสดงให้เห็นชัดพร้อมกับความกดดัน
การออกกำลังสมองเป็นการบำบัดเพื่อพัฒนาความจำและทักษะการคิดโดยมีการฝึกฝนโจทย์ท้าทายบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีการออกแบบและให้ความรู้สึกเหมือนกับวีดีโอเกม
Dr.Amit Lampit เป็นหัวหน้าคณะในการศึกษาเรื่องนี้ได้กล่าวถึงผลลัพธ์ที่ออกมาว่า การออกกำลังสมองสามารถช่วยยับยั้งโรคจิตเสื่อมได้
“งานวิจัยของพวกเราแสดงให้เห็นว่า การออกกำลังสมองสามารถทำนุบำรุงหรือแม้แต่ช่วยพัฒนาทักษะการรับรู้ของผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงรับรู้เสื่อมถอยในระดับที่สูงมาก และเป็นการบำบัดที่ไม่สิ้นเปลื้องและมีความปลอดภัย” Dr.Lampit กล่าว
ในการทำข้อสรุปนั้น ทางด้านคณะวิจัยก็ได้ทำการสุ่มตัวอย่าง 17 ตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางการแพทย์ผู้เข้าร่วมเกือบ 700 ราย โดยใช้การวิเคราะห์ที่เรียกว่าเป็นการวิเคราะห์อภิมาน เพื่อทำการวินิจฉัยทางการแพทย์ให้ถึงขีดสุด
ทางด้านคณะวิจัยได้มีการใช้หลักการวิเคราะห์อภิมานมาก่อน ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาเผยให้เห็นว่า การออกกำลังสมองมีประโยชน์ต่อทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเสริมสร้างสุขภาพให้กับผู้สูงอายุกับคนที่เป็นโรคพากินสัน
“ทั้งหมดนี้เมื่อมาทำการวิเคราะห์โดยรวมแล้วก็จะต้องมาดูข้อมูลทางการแพทย์ที่มีความสำคัญต่อการออกกำลังกายสมองในช่วงแต่ละอายุคน ในขณะเดียวกันทางเราได้ทำการวิจัยต่อเนื่องในส่วนของการออกกำลังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น” Dr.Lampit กล่าว
ทางด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ Michael Valenzuela ซึ่งเป็นหัวหน้าในปฎิรูปประสาทวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์วิจัยสมองกับภาวะจิตใจเชื่อว่า เทคโนโลยีใหม่ๆถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนการวิจัย
“ความท้าทายต่างๆในการวิจัยคือ การออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพในระยะยาวและทำการบำบัดในเชิงการแพทย์และสามารถเข้าถึงผู้คนได้” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Valenzuela กล่าว
“นี่เป็นสิ่งที่พวกเรากำลังดำเนินทำอยู่ตอนนี้”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ Valenzuela เป็นหนึ่งในหัวหน้าชาวออสเตรเลียที่ได้ทำการวิจัยสมองโดยมีการปรับเปลี่ยนแบบทดสอบให้เข้ากับผู้คนแต่ละคน ประกอบไปด้วยการออกกำลังสมองในแต่ละสัปดาห์ภายใน 4 ปีที่สามารถยับยั้งโรคจิตเสื่อมในกลุ่มผู้สูงอายุ 18000 คนด้วยกัน
ผู้แปล : Mr.lawrence10
ที่มา : sciencedaily.com